มาเธอุส นูเญส : อดีตพนักงานร้านเบเกอรี่ผู้ปฏิเสธคำชวนของทีมชาติบราซิลชุดใหญ่
ซื้อหวยออนไลน์ เว็บไหนดี มาที่นี้เลย เว็บหวยออนไลน์จ่ายจริง.com 900/95
การถูกเรียกติดทีมชาติ คงเป็นฝันสูงสุดที่นักเตะหลายคนเฝ้ารอและอยากจะมีโอกาสนั้นสักครั้ง
ทว่าสำหรับ มาเธอุส นูเญส นักเตะป้ายแดงของ วูล์ฟแฮมป์ตัน เจ้าของค่าตัว 42 ล้านปอนด์ กลับเคยอยู่ในสถานะที่ปฏิเสธคำชวนจากกุนซือทีมชาติบราซิลชุดใหญ่มาแล้ว
และนี่คือเรื่องราวของ 1 ในนักเตะที่ชาวไทยสนใจมากที่สุดในเวลานี้ จากพนักงานร้านเบเกอรี่ สู่นักเตะค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรระดับพรีเมียร์ลีก
เขาผ่านอะไรมาบ้าง ? ติดตามได้ที่นี่กับ Main Stand
เกิดที่นี่แต่โตที่อื่น
ลีกโปรตุเกสถือเป็นลีกฟุตบอลที่ขึ้นชื่อเรื่องการหยิบจับนักเตะจากบราซิลมาปลุกปั้นและขายต่อมาแต่ไหนแต่ไร แข้งชาวแซมบ้าหลายคนก็มีจุดเริ่มต้นที่นี่ ก่อนที่พวกเขาจะได้โอกาสติดทีมชาติโปรตุเกส ไม่ว่าจะเป็น เปเป้, เดโก้ ซูซ่า, รอนนี่ โลเปซ และ โอตาวิโอ ที่อยู่ในลีกโปรตุเกสในปัจจุบัน
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด โปรตุเกส และ บราซิล มีความสัมพันธ์กันมาหลายร้อยปี เพราะในปี 1500 คือปีที่โปรตุเกสยึดแผ่นดินบราซิลเป็นประเทศใต้อาณานิคม หลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างโปรตุเกสและบราซิลก็ผูกสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นเรื่อยมา เรื่องนี้ยืนยันได้จากประโยคหนึ่งในเรื่อง Fast Five ที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างชาวโปรตุกีสและชาวบราซิลว่า
"เมื่อ 500 ปีก่อนชาวโปรตุเกสและสเปนมาที่นี่ด้วยเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการแย่งชิงแผ่นดินของชาวพื้นเมือง ... ชาวสเปนมาถึงพร้อมกับปืนและลูกกระสุน พวกเขาต้องการให้คนพื้นเมืองรับรู้ว่าใครคือเจ้านายที่แท้จริง และสุดท้ายมันจบลงด้วยเหตุการณ์ที่ชาวพื้นเมืองฆ่าชาวสเปนทุกคน"
"ขณะที่ชาวโปรตุเกสมาพร้อมกับของขวัญมากมาย กระจก กรรไกร เครื่องประดับ สิ่งที่ชาวพื้นเมืองไม่สามารถผลิตขึ้นมาใช้ได้เอง สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือคนบราซิลสามารถพูดภาษาโปรตุเกสได้จนถึงทุกวันนี้"
เรื่องนี้เองที่ทำให้เชื้อสายของคนโปรตุเกสและบราซิลแทบจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะการแต่งงานระหว่างคนทั้งสองชาติเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ มีประชากรที่ถือสองสัญชาติทั้งโปรตุเกสและบราซิลอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นในแง่หนึ่งโปรตุเกสกับบราซิลจึงถือเป็นเมืองพี่เมืองน้องของจริงผ่านความสัมพันธ์ทางสายเลือด และ มาเธอุส นูเญส ก็เช่นกัน
นูเญส เกิดที่นครริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล โดยพ่อของเขามีเชื้อสายโปรตุกีสแต่มีแม่เป็นชาวบราซิล บ้านของเขาอยู่ในย่านสลัม Campo Grande ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของยอดแข้งอย่าง โรนัลดินโญ่ ... ไอดอลในดวงใจของเขาจนทุกวันนี้
"โรนัลดินโญ่คือไอดอลของผม ผมพยายามเลียนแบบเขาหลาย ๆ อย่างตอนที่ตัวเองยังเป็นเด็ก วิธีการเล่นของโรนัลดินโญ่นั้นแตกต่างจากใคร ๆ ทุกคน ผมคลั่งเขามากชนิดที่ว่าตอนที่เขาอยู่บาร์เซโลน่าผมก็เชียร์บาร์ซ่า แล้วพอเขาย้ายไปเล่นให้ เอซี มิลาน ผมกลายเป็นแฟนบอลมิลาน ... ต้นแบบของผมก็คือเขาคนนี้แหละ"
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม The Sun เขียนเรื่องราววัยเด็กของนูเญสไว้ว่า พ่อของเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตของเขานักนอกจากเรื่องของสายเลือด นูเญสต้องอยู่กับแม่และผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาด้วยกันไม่น้อยกว่า 10 ปี
"แม่ผมไม่เคยขาดงานเลยสักครั้ง ถึงอย่างนั้นก็มีบ่อยครั้งที่ผมไม่มีอะไรบนโต๊ะอาหาร ... แต่ที่รู้ ๆ คือแม่ผมเป็นยอดหญิงผู้ยิ่งใหญ่ แม่ให้ความรัก ปลูกฝังเรื่องฟุตบอลให้กับผมและพี่ชาย เราเอาถุงเท้ามาม้วนเป็นลูกฟุตบอลอยู่นานกว่าแม่จะมีเงินซื้อลูกฟุตบอลให้ นี่แหละคือเหตุผลที่ผมบอกตัวเองว่าผมจะเป็นด็กดี ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และจะไม่ทำตัวเป็นโจรปล้นใครให้แม่เสียใจเด็ดขาด"
นูเญสไม่ทันได้เล่นฟุตบอลให้กับสโมสรไหนในบราซิลเลย เพราะตอนที่เขาอายุ 12 ปี เขาต้องย้ายตามแม่และพ่อเลี้ยงของเขามาที่โปรตุเกส เหตุผลเดียวที่ย้ายมาคือครอบครัวของเขาไม่มีทางมีคุณภาพชีวิตที่ก้าวหน้าได้เลยหากอยู่ที่บราซิลต่อไป พวกเขามุ่งหน้าไปแสวงหาชีวิตใหม่ที่เมืองติดชายทะเลที่ชื่อว่า เอริเซร่า เริ่มต้นด้วยงานรับจ้างทั่วไปก่อนที่เก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง แล้วเอามาเปิดร้านเบเกอรี่ ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นูเญสเริ่มเข้าสู่เส้นทางนักเตะอาชีพ
เริ่มต้นที่ร้านเบเกอรี่
นูเญสอายุได้ 14 ปีตอนที่บ้านของเขามีร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ เป็นของตัวเอง สิ่งที่นูเญสต้องทำในทุกวันตอนเช้าคือเขาจะปั่นจักรยานมาจากบ้านเพื่อช่วยดูงานที่ร้าน เขาทำได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นหน้าที่หลังบ้านในการอบและผสมแป้ง ขณะที่งานหน้าร้านที่คอยคุมแคชเชียร์เขาก็ทำได้ไม่ขัดเขิน
หลังจากเฝ้าร้านช่วงเช้าเสร็จ นูเญสจะต้องออกไปซ้อมกับทีมเอริเซเรนเซ่ โดยตัวของเขาเล่าว่าการทำงานในร้านเบเกอรี่นั้นถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง เพราะมันทำให้ขาของเขาแข็งแรงเป็นพิเศษ และนั่นทำให้เขาทำผลงานได้ดีกับทีมเยาวชนของเอริเซเรนเซ่
"ผมต้องมาที่ร้านในตอนเช้า โดยจะมีโปรแกรมของสโมสรในช่วงบ่าย ตลอดช่วงเช้าผมจะใช้เวลายืนนาน 5-6 ชั่วโมง จากนั้นผมก็เดินทางไปซ้อม ผมต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ปั่นจักรยานไปทำงานและต่อด้วยการไปลงแข่งขัน" นูเญส เล่าถึงความหลัง
รูเบน ฟรังโก้ นักเตะรุ่นพี่ในทีมเอริเซเรนเซ่ เล่าถึงตอนที่เจอกับนูเญสในช่วงที่เขาขึ้นมาฝึกซ้อมกับทีมว่า "เด็กคนนี้มันเก่งมากเลยนะ พวกเราทุกคนมองหน้ากันตั้งตอนซ้อมครั้งแรก ทุกคนบอกว่าหมอนี่มันดีกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย ตอนนั้นเขาแค่มาซ้อมด้วยเฉย ๆ แต่เขากลับใส่เต็มที่ในทุกการฝึกซ้อม ราวกับว่าสุดสัปดาห์นี้เขาจะได้ลงสนามเป็นตัวจริง"
เหตุผลที่นูเญสผลงานดีแต่ลงเล่นไม่ได้คือ เขาต้องรอใบอนุญาตการทำงานจาก FIFA ก่อนซึ่งจะต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ เขาก็ค่อย ๆ พัฒนาขึ้น ชื่อเสียงของเด็กหนุ่มจากบราซิลคนนี้ถูกพูดถึงมากขึ้นในโปรตุเกส จากนั้นเมื่อ FIFA อนุมัติ นูเญสก็ได้ลงเล่นให้กับเอริเซเรนเซ่ และนำมาซึ่งความสนใจจากต่างแดน
นูเญสได้ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่กับเอริเซเรนเซ่ ตอนอายุ 17 ปี โดย ณ ตอนนั้นข่าวของมิดฟิลด์บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ที่คล่องแคล่วและวิ่งไม่มีหมดก็ดังไปไกลมาก เอเยนต์ของเขาเริ่มพาเขาไปซ้อมกับทีมต่าง ๆ ในยุโรปเพื่อทดสอบฝีเท้า อาทิ ลีลล์, นีซ รวมถึงทีมอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วย
การย้ายทีมในตอนนั้นไม่เกิดขึ้น นูเญสไปทดสอบฝีเท้ากับเลสเตอร์อยู่ 2 สัปดาห์ แต่นั่นเป็นช่วงจังหวะที่ไม่ค่อยจะดีนัก เนื่องจากอยู่ในช่วงปลายฤดูกาล 2015-16 ที่เลสเตอร์กำลังอยู่ในตำแหน่งมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก กุนซืออย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี่ ไม่มีเวลาโฟกัสกับเด็กที่มาขอทดสอบฝีเท้ามากนักเพราะเขาต้องโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญกว่า นั่นเป็นสาเหตุที่นูเญสถูกมองข้ามที่เลสเตอร์ ณ เวลานั้น
"พอกลับมาด้วยความผิดหวัง นูเญสตอบโต้ด้วยการพัฒนาตัวเองขึ้นในทุกวัน เขาไม่เคยขาดซ้อม และนับวันสัญญาณของการเป็นนักเตะคุณภาพก็ชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ... ผมคิดว่าเป็นเพราะเขามีเกมให้ลงเล่น เพราะเมื่อได้แข่งจริงนูเญสนั้นเติบโตแบบก้าวกระโดดเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับความจริงว่าศักยภาพของทีมในเวลานี้ไม่ดีพอที่จะเจียระไนเพชรอย่างเขาได้ เขาต้องไปอยู่ให้ถูกที่ และต้องถูกขัดเกลาให้ดีกว่านี้"
"ข้อเสียของเขาคือเขาชอบเล่นกับฟุตบอลนานเกินสมควร เขายังขาดเรื่องความเข้าใจในจังหวะของเกม แต่ถ้าวัดกันเรื่องเทคนิคและความอึดแล้ว ผมว่าเขาดีพอที่จะทำให้คนที่เห็นต้องอัศจรรย์ใจได้แน่นอน" พี่เลี้ยงอย่างฟรังโก้ กล่าว
ขณะที่ อุมแบร์โต้ ซัลวาดอร์ ซีเนียร์อีกคนในทีมก็บอกว่าหลังจากกลับมาพร้อมกับความผิดหวัง นูเญสใช้เวลาสองปีพัฒนาทุกอย่างที่เขายังขาด เขาเพิ่มมวลกล้ามเนื้อขึ้นมาอีก 15 ปอนด์ และมันช่วยให้เขาแข็งแรงขึ้นและสามารถแย่งชิงบอลในแดนกลางได้ดีขึ้นซึ่งจำเป็นมากสำหรับตำแหน่งบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ นอกจากนี้เขายังแก้ไขปัญหาเรื่องสมาธิกับเกมได้ดียิ่งขึ้น
การแก้ไขจุดอ่อนทำให้เพชรที่รอการเจียระไนอย่างเขาได้ย้ายไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่าอย่าง เอสโตริล ที่เล่นในลีกสูงสุดของประเทศ
ก้าวกระโดดครั้งสำคัญ
นูเญส มาเล่นให้กับ เอสโตริล ในปี 2018 ตอนเขาอายุ 19 ปี แต่ลงเล่นไปได้แค่ 8 เกมกับทีมชุดใหญ่ แมวมองของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก็เห็นแววของเขา สิ่งที่โดดเด่นในตอนนั้นคือการเป็นนักเตะที่เร็วและมีกำลังขาที่จะเร่งสปีดความเร็วได้ทั้งเกม การวิ่งเต็มสปีดได้ยามที่ทีมเป็นฝ่ายต้องไล่บอลคืนคือสิ่งที่ทำให้นูเญสต้องตาแมวมองของทีมดังมากที่สุด
เพื่อนร่วมทีมของนูเญสสมัยเล่นให้เอสโตริลที่ชื่อ กอนซาโล ซานโตส เล่าถึงความยอดเยี่ยมของนูเญสในช่วงวัยรุ่นว่า "มีเกมหนึ่งนูเญสวิ่งแบบเต็มสปีดร่วม 60 เมตรไม่รู้กี่ครั้ง นี่คือความอึดที่สุดยอดมาก ผู้คนเอาแต่พูดถึงสิ่งที่เขาทำในวันนั้น แล้วเรื่องที่ไม่น่าเชื่อของเขาอีกอย่างคือเมื่อบอลอยู่กับเท้าเขาใครก็เอาเขาไม่ลง เหตุผลก็เพราะหมอนี่ความเร็วจัดมาก ๆ เลยล่ะ"
รายงานของแมวมองสปอร์ติ้งส่งไปถึงกุนซือของทีมอย่าง รูเบน อโมริม และประธานสโมสร เฟเดริโก้ วารันดาส พวกเขามองว่านี่คือดีลที่ทีมจะพลาดไม่ได้ เนื่องจากสิ่งที่เอสโตริลเรียกร้องคือค่าตัวเพีง 500,000 ยูโรเท่านั้น แม้จะมีออปชั่นแบ่งกำไร 50% จากการขายครั้งต่อไปก็ยังเป็นอะไรที่คุ้มมาก เพราะสิ่งที่ฝั่งสปอร์ติ้งประเมินนูเญสไว้ในข้างต้นคือ นักเตะคนนี้มีฝีเท้าพอที่จะทำเงินให้สโมสรได้ 10 ล้านยูโรเป็นอย่างน้อย ... ก่อนที่สุดท้ายดีลจะลุล่วง และนูเญสกลายมาเป็นนักเตะของสปอร์ติ้ง ในปี 2019
ช่วงที่เล่นให้กับสปอร์ติ้งตรงกับสิ่งที่รุ่นพี่ในทีมเก่าของเขาอย่างฟรังโก้ได้คาดเดาเอาไว้ เมื่อคนเก่ง ๆ ได้อยู่ในภาพแวดล้อมที่ดีย่อมมีผลต่อพัฒนาการที่ก้าวกระโดด นูเญสเล่นในทีมสำรองได้ไม่กี่เดือน อโมริมก็ดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ จากนั้นเขาก็ยึดครองตำแหน่งตัวจริงมาตั้งแต่นั้น ก่อนที่เขาจะกลายเป็นกำลังสำคัญในทีมชุดคว้าแชมป์ลีกและฟุตบอลถ้วยในฤดูกาล 2020-21
ความโดดเด่นของ นูเญส ในฐานะกองกลางจอมขยันที่เทคนิคดี ทำให้ ติเต้ กุนซือทีมชาติบราซิลพยายามเรียกตัวเขามาติดทีมชาติชุดใหญ่ตามเชื้อชาติของคุณแม่ แต่นูเญสก็ปฏิเสธคำชวนนั้น เพราะว่าในขณะเดียวกันฝั่งทีมชาติโปรตุเกสที่นำโดยกุนซือ เฟร์นานโด ซานโตส ก็ต้องการตัวเขาไปติดทีมชาติเหมือนกัน ก่อนที่ฝั่งโปรตุเกส ประเทศที่ให้ชีวิตใหม่กับเขาและครอบครัวจะเป็นผู้ชนะในศึกชิงตัวครั้งนี้
"นูเญสมองหาโอกาสที่จะติดทีมชาติโปรตุเกสมาสักระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ผมว่าเป็นเวลาอันสมควรเพราะเขาได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเขาว่าเขาควรค่าที่จะได้รับโอกาสสำคัญครั้งนี้" ซานโตส ที่เรียกนูเญสติดทีมชาติครั้งแรกในปี 2021 แถลงข่าว
ณ ตอนนี้อย่างที่เรารู้กัน จากคนทำงานร้านขนมปัง นูเญสสามารถก้าวขึ้นมาติดทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่และกลายเป็นเจ้าของสถิติค่าตัว 42 ล้านปอนด์ หลังจากย้ายไปเล่นที่ วูล์ฟแฮมป์ตัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และสำหรับคนที่จะถามว่าเขาเป็นผู้เล่นสไตล์ไหน กอนซาโล ซานโตส ที่เคยพยายามทักไปบอก มาร์โก ซิลวา กุนซือชาวโปรตุกีสที่เคยคุมทีมเอฟเวอร์ตัน ให้ซื้อตัวนูเญสตั้งแต่ตอนที่ค่าตัวเขายังมีราคา 10 ล้านยูโร ใจความว่า
"นี่คือ บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ที่แตกต่างจากมิดฟิลด์ในพรีเมียร์ลีกคนอื่น ๆ เขาอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งมากที่สุด แต่เรื่องความเร็ว คุณเชื่อเถอะว่าเขาเร็วจี๋เลยล่ะ ถ้าบอลอยู่กับเท้าของเขา คุณจะรู้ได้ทันทีเลยว่าไอ้นี่เป็นเด็กบราซิลแน่นอน ... เขาเป็นพวกที่รู้วิธีเล่นกับบอลเป็นอย่างดี"
"ถ้าทีมของคุณกำลังตั้งรับและเขาเกิดตัดบอลได้ ภาพที่คุณจะเห็นต่อจากนั้นคือการพาบอลขึ้นไปข้างหน้าด้วยวิธีต่าง ๆ ได้อย่างน้อย 30 หลา ... หมอนี่มันตีนตะขอแย่งบอลจากเขายากมากจริง ๆ" ซานโตส กล่าวถึงสไตล์ของ มาเธอุส นูเญส
เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่เราเท้าความมาอย่างยืดยาวกำลังจะถูกพิสูจน์ในเวทีที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างพรีเมียร์ลีก มาเธอุส นูเญส แท้จริงแล้วเก่งสมคำร่ำรือหรือไม่ ? อีกไม่นานจากนี้เราคงจะได้เห็นเค้าลางไม่มากก็น้อย